The Flash ฮีโร่ผู้ว่องไวและวิ่งเร็วที่สุดใน DC ผู้เขียนได้ดูเวอร์ชั่นซีรีย์แล้วชอบมาก แต่อดทนดูมาได้ถึงแค่ซีซั่น 5 แล้วเลิกดูไป เพราะหลังๆ แอบรู้สึกรำคาญตัวละครไอริส เวสต์มากๆ ช่วงต้นปี 2561 สตูดิโอวอร์เนอร์ได้เริ่มต้นโปรเจค The Flash ฉบับภาพยนตร์ แต่ต่อมาได้ประสบกับปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับปรุงบท, เปลี่ยนตัวนักเขียนบท, เปลี่ยนตัวผู้กำกับ หรือแม้กระทั่งตัวนักแสดงนำอย่างเอซร่า มิลเลอร์เองก็มีปัญหาส่วนตัวที่หนักหน่วง จนหลายคนพูดกันว่า เขาจะยังได้เป็น The Flash อยู่มั้ย เดิมทีหนังถูกวางโปรแกรมฉายช่วงปลายปี 2565 แต่ด้วยปัญหาหลายๆ อย่างที่ได้พูดถึงไปแล้ว ยังมาเจอกับสถานการณ์โควิด-19 จนผู้เขียนเองลืมไปแล้วว่าจะมีหนังเรื่องนี้ออกมา แต่สุดท้าย The Flash ได้ฤกษ์ฉายรอบพรีเมียร์ไปเมื่อวันที่ 12 มิ.ย ที่ผ่านมาที่ Grauman's Chinese Theatre ลอสแองเจลิส สำหรับในบ้านเราก็เปิดฉายทั่วประเทศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โลกในเรื่อง “The Flash” เกิดความอลหม่านขึ้นเมื่อแบร์รี่ใช้พลังวิเศษของเขาเดินทางย้อนเวลา เพื่อกลับไปแก้ไขอดีตหลายเรื่อง แต่การที่เขาพยายามช่วยครอบครัวตัวเองกลับสร้างความเปลี่ยนแปลงให้อนาคตด้วย แบร์รี่ต้องติดกับเมื่อนายพลซอดหวนคืนมาทำลายล้างโลก และไม่มีซูเปอร์ฮีโร่คนใดมาช่วยเหลือ จนกระทั่งแบร์รี่ต้องเกลี้ยกล่อมให้แบทแมนอีกร่างหนึ่งที่ปลดเกษียณไปแล้ว และช่วยเหลือคริปโตเนียนที่ถูกขังเอาไว้... แม้ว่าจะไม่ใช่คนที่เขาตามหาสักเท่าไหร่ แต่เพื่อปกป้องโลกของเขาและหวนกลับไปหาอนาคตที่เขาคุ้นเคย แบร์รี่เหลือเพียงความหวังเดียวคือการแข่งกับชีวิตของเขา แต่เขาจะยอมเสียสละมากพอเพื่อลบล้างทุกอย่างในจักรวาลหรือไม่?
The Flash กับความยาว 144 นาที ที่ผู้เขียนสามารถนั่งดูได้โดยไม่รู้สึกเบื่อ หนังดูสนุก มีทั้งความฮา ความซึ้ง และความเซอร์ไพรส์ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามทั้งจักรวาลดีซี อาจมีบางเซอร์ไพรส์ที่รู้สึกไม่ว้าว เพราะไม่รู้จักว่าที่โผล่มานั้นเป็นใคร (ซึ่งผู้เขียนเองก็เป็น 55) แต่การที่ได้เห็นแบทแมน, ซุปเปอร์แมน ในภาคก่อนๆ ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้รู้สึกดีใจและยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะไมเคิล คีตัน ที่ยังคงเป็นแบทแมนที่เท่ห์และมีเสน่ห์ตลอดกาลในสายตาผู้เขียน เดอะ แฟลช – แบร์รี่ในแบบฉบับของมิลเลอร์ ดูผ่อนคลายและสายฮากว่า เดอะแฟลช-แบร์รี่ของแกรนต์ กัสติน ในเวอร์ชั่นซีรี่ย์ เพราะผู้เขียนหลุดขำแบบถ้าไม่มีแมสก์ น้ำลายคงกระเด็นไปโดนคนข้างหน้าแน่นอน 555 แต่เมื่อถึงซีนดราม่า มิลเลอร์ก็เอาอยู่ ทำเอาน้ำตาซึมได้เหมือนกัน อีกสิ่งที่ดูแล้วขัดตาขัดใจ คือ CG ที่หลายฉากไม่เนียนเอามากๆ บางฉากก็ลอยจนแบบนึกงงว่างบหมดหรือรีบทำให้ออกฉายทันตามกำหนดหรืออย่างไร โดยสรุปแล้ว The Flash เป็นหนังที่คุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอน สำหรับ end credit ตัวแรกสมควรแก่การว้าว! มาก ส่วนตัวที่สอง ไม่จำเป็นต้องรอดูก็ได้
Trailer
Leave a Reply
All fields are required